รู้จัก 'ไซมอน' หุ่นยนต์ผู้ช่วยนักบินอวกาศระบบ AI ตัวแรกของโลก
1. ไซมอนเป็นหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้เทคโนโลยีไอบีเอ็ม วัตสัน
ที่ได้ติดตามนักบินอวกาศที่ชื่อนายอเล็กซานเดอร์ เกิร์สต ไปสู่สถานีอวกาศนานาชาติ
(ISS)
2. เป้าหมายของการส่งไซมอนขึ้นไปคือการช่วยนักบินอวกาศปฏิบัติการ 3 ภารกิจ ได้แก่ 1. การร่วมกันทำการทดลองกับคริสตัล 2. แก้ไขปัญหาลูกบาศก์ของรูบิกโดยอาศัยวิดีโอต่างๆ 3. ทดลองทางการแพทย์ที่ซับซ้อนโดยใช้ไซมอนทำหน้าที่กล้องบินได้
3. ไซมอนเป็นระบบอัจฉริยะแบบอินเตอร์แอคทิฟที่พกพาได้ ที่จะเป็นผู้ช่วยนักบินอวกาศเกิร์สตในภารกิจครั้งที่ 2 สู่สถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้บังคับการสถานีอวกาศในช่วงที่สองของการปฏิบัติการระยะเวลา 6 เดือน
2. เป้าหมายของการส่งไซมอนขึ้นไปคือการช่วยนักบินอวกาศปฏิบัติการ 3 ภารกิจ ได้แก่ 1. การร่วมกันทำการทดลองกับคริสตัล 2. แก้ไขปัญหาลูกบาศก์ของรูบิกโดยอาศัยวิดีโอต่างๆ 3. ทดลองทางการแพทย์ที่ซับซ้อนโดยใช้ไซมอนทำหน้าที่กล้องบินได้
3. ไซมอนเป็นระบบอัจฉริยะแบบอินเตอร์แอคทิฟที่พกพาได้ ที่จะเป็นผู้ช่วยนักบินอวกาศเกิร์สตในภารกิจครั้งที่ 2 สู่สถานีอวกาศนานาชาติ เพื่อทำหน้าที่เป็นผู้บังคับการสถานีอวกาศในช่วงที่สองของการปฏิบัติการระยะเวลา 6 เดือน
4. หุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์ไซมอนมีลักษณะเป็นอุปกรณ์กลมๆ ขนาดเล็ก
มีน้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม ใบหน้าและเสียงดิจิทัล รวมถึงการใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ของไซมอน
ทำให้ไซมอนเป็นเหมือน “เพื่อนร่วมงาน” ของบรรดาลูกเรือบนอวกาศ
(ถ้าคุณมีเพื่อนที่หัวกลมๆ อะนะ)
5. กลุ่มนักพัฒนาที่รับผิดชอบการพัฒนาไซมอนคาดการณ์ว่าไซมอนจะช่วยลดความเครียดของบรรดานักบินอวกาศ
ขณะเดียวกันก็ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและทำหน้าที่เป็นระบบเตือนล่วงหน้าในกรณีที่เกิดปัญหาทางเทคนิค
ซึ่งถือเป็นการเข้ามาช่วยปรับปรุงเรื่องความปลอดภัยด้วย
6. ปัจจุบันไซมอนได้รับการฝึกอบรมให้สามารถระบุสภาพแวดล้อมของตนและสามารถระบุคู่สนทนาที่เป็นมนุษย์ที่กำลังมีปฏิสัมพันธ์กับตนได้โดยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์(AI)
ช่วยให้ไซมอนสามารถประมวลผลข้อความ คำพูด
และรูปภาพรวมถึงช่วยดึงข้อมูลและข้อค้นพบต่างๆ ได้อีกด้วย
7. ไซมอนสามารถเคลื่อนที่ไปรอบๆ
ได้อย่างไร้ปัญหาไซมอนยังได้เรียนรู้ขั้นตอนดำเนินการทั้งหมดเพื่อให้สามารถช่วยทำการทดลองต่างๆ
บนยานอวกาศได้อีกด้วย โดยบางครั้งการทดลองอาจประกอบด้วยขั้นตอนต่างๆ
มากกว่า 100 ขั้นตอนที่แตกต่างกัน
ซึ่งไซมอนรู้จักขั้นตอนเหล่านั้นทั้งหมด
8. โมเดลข้อมูลและความเป็นส่วนตัวของไอบีเอ็มที่อยู่ในไซมอนจะช่วยให้องค์กรสามารถฝึกโมเดล
AI ด้วยเทคโนโลยีของวัตสัน โดยไม่จำเป็นต้องผสานรวมข้อมูลที่ละเอียดอ่อนหรือมีกรรมสิทธิ์เข้ากับโมเดลแบบสาธารณะแต่อย่างใด
และจะไม่มีองค์กรใด (หรือแม้แต่ไอบีเอ็ม)ที่สามารถนำข้อมูลนี้ไปใช้พัฒนาแอปพลิเคชัน
AI อื่นๆ เพิ่มเติมได้
9. ในระยะกลาง
โครงการไซมอนจะมุ่งที่ผลของกลุ่มทางจิตวิทยาซึ่งสามารถเกิดขึ้นกับทีมเล็กๆ
ระหว่างภารกิจระยะยาวบนอวกาศ โดยผู้สร้างสรรค์ไซมอนมีความมั่นใจว่าการปฏิสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างมนุษย์กับหุ่นยนต์
ที่มา:ไทยรัฐ
No comments:
Post a Comment